วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ตี 2 นอนไม่หลับ


ตี 2 นอนไม่หลับ แต่ไม่ได้เหงา

ตี 2 นอนไม่หลับ แต่ไม่ได้คิดถึงใคร

ตี 2 นอนไม่หลับ แค่มาเขียน blog เฉย ๆ

ตี 2 นอนไม่หลับ กำลังฟังเพลง ฝัน หวาน อาย จูบ

ตี 2 นอนไม่หลับ เพิ่งกลับมาจากดูหนังเรื่อง Australia

ตี 2 นอนไม่หลับ คิดอยากให้มีหนังชื่อ Thailand

ตี 2 นอนไม่หลับ เลยคิดไปว่า จะเป็นอย่างไร ถ้าหนุ่มที่เป็นเสื้อแดงเพราะครอบครัวและไม่เต็มใจ ต้องมาพบรักกับสาวเสื้อเหลืองที่มุ่งมั่นในอุดมการณ์ ณ วันที่เกิดการปะทะกัน

ตี 2 นอนไม่หลับ นึกขึ้นได้ว่า ไม่น่าดื่มกาแฟเลย

ตี 2 นอนไม่หลับ และเริ่มคิดถึงใครหลาย ๆ คน

ตี 2 นอนไม่หลับ กำลังคิดถึงคนที่เรารัก ที่เราชอบ คนที่เรามีเส้นชีวิตที่ตัดกัน ให้มาพบเจอกัน

ตี 2 นอนไม่หลับ สงสัยว่าทำไมเราถึงไม่อาจอยู่กับคนที่ผ่านมาพบกันได้ตลอดไป

ตี 2 นอนไม่หลับ และได้คำตอบว่า คนที่ไม่ใช่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ใช่

ตี 2 นอนไม่หลับ ยังคงเขียนอะไรไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีจุดหมาย

ตี 2 นอนไม่หลับ เลยเปิด web ข่าวบันเทิง ภาพหลุดดารา

ตี 2 นอนไม่หลับ รู้สึกตัวเองว่า เบื่อนมอั้ม ดูจนตอนนี้ไม่ตื่นเต้นแล้ว

ตี 2 นอนไม่หลับ กำลังคิดอยู่ว่าจะ ฟังเพลงอะไรต่อไปดี

ตี 2 นอนไม่หลับ เลือกฟังอัลบั้ม Smooth Jazz อะไรสักอย่าง

ตี 2 นอนไม่หลับ กำลังคิดถึงคนที่อยากลืม

ตี 2 นอนไม่หลับ อยากเจอคนที่อยากลืม แค่อยากรู้ว่า เจอแล้วจะนอยอีกไหม

ตี 2 นอนไม่หลับ ไม่อยากเจอหน้าคนที่ไม่ชอบบางคนอีกเลย

ตี 2 นอนไม่หลับ ฉันคิดถึงเธอ

ตี 2 นอนไม่หลับ แต่อยากรู้ว่าใครใช้คำว่า นอย คนแรก

ตี 2 นอนไม่หลับ วันนี้มันวันคริสมาสต์ นี่หว่า

ตี 2 นอนไม่หลับ List ใน Msn มี 2 คนที่น่ายังไม่นอนเหมือนเรา คือ เพื่อนฮ้ง กับน้องแนน

ตี 2 นอนไม่หลับ ดูนาฬิกาจะตี 2 ครึ่งแล้ว

ตี 2 นอนไม่หลับ เริ่มจะรู้สึกเหงาแล้วซิ

ตี 2 นอนไม่หลับ จะมีคนนอนไม่หลับกี่คนตอนนี้

ตี 2 นอนไม่หลับ คิดถึงเธอ

ตี 2 นอนไม่หลับ นอนไม่หลับ นอนไม่หลับ นอนไม่หลับ นอนไม่หลับ นอนไม่. . . นอน . . .

ตี 2 ก่อนที่จะนอนหลับ อยากบอกเธอ บอกเพื่อน บอกคนรู้จัก บอกคนที่เคยพานพบเมื่ออดีต บอกคนที่กำลังจะพบกันเมื่อเส้นทางชีวิตเราตัดกัน บอกโลก บอกจักรวาล บอกความว่างเปล่า . . .

ราตรีสวัสดิ์


วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เมื่อมีรอยยิ้ม เราต่างเหมือนกัน


เมื่อวันที่ 19 และ 20 ธันวาคมที่ผ่านมาข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปเที่ยวชมงาน Bangkok street show ถึงแม้ข้าพเจ้าจะไปงานนี้ถึง 2 วันแต่ก็ได้ดูโชว์เพียงไม่กี่โชว์เท่านั้น เนื่องจากมีคนไปเที่ยวชมงานนี้เยอะมากและเวทีแต่ล่ะเวทีนั้นอยู่ไกลกันพอสมควรแม้ไม่ไกลมากแต่ถ้าจะเดินดูให้ทั่วนั้นก็เมื่อยอยู่ ดังนั้นการที่จะดูโชว์ให้ครบทุกโชว์นั้นเป็นเรื่องยาก และถึงแม้ข้าพเจ้าจะพลาดโชว์ที่อยากดูไปหลายโชว์ แต่ก็ยังมีอีกหลายโชว์ที่ข้าพเจ้านั้นประทับใจ และยังมีอีกอย่างที่ข้าพเจ้าประทับใจที่สุด นั่นคือ รอยยิ้ม

งาน Bangkok street show คราวนี้ผู้แสดงกว่า 80% เป็นชาวต่างชาติ ดังนั้นเรื่องการสื่อสารกันด้วยภาษาพูดนั้นเป็นเรื่องที่แทบจะลืมได้เลย และยิ่งกับเด็ก ๆ ที่ดูอยู่ด้วยแล้วการสื่อสารกันด้วยภาษาพูดยิ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ทุก ๆ โชว์ที่แสดงในงานนี้มีสิ่งที่เหมือน ๆ กันอยู่ นั่นคือ มายากล กายกรรม ศิลปะ และรอยยิ้ม ไม่ว่าจะเป็นมากยากลหรือกายกรรมต่างสร้างความตื่นตาตื่นใจ และความพิศวงให้กับผู้ชม ศิลปะการแสดงละครใบ้ซึ่งความเพลิดเพลินและเสียงหัวเราะให้กับผู้ชม และสุดท้ายรอยยิ้มซึ่งทั้งนักแสดงและผู้ชมต่างมอบให้แก่กัน และเมื่อเอาทุกสิ่งทุกอย่างมารวมกัน กำแพงด้านภาษาและความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติต่างถูกทลายไป สิ่งที่เหลืออยู่คือความสุขและรอยยิ้มที่มีอยู่ทั่วทุกที่ในสวนลุม

ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าอ่าน โตเกียวไม่มีขา ข้าพเจ้ามักสงสัยอยู่เสมอ พื้นที่ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างดิสย์นีแลนด์ตามที่พี่นิ้วกลมพูดนั้นเป็นอย่างไร แต่พอมางานนนี้ข้าพเจ้าถึงเข้าใจและเห็นภาพว่า ทุก ๆ ที่ที่มีแต่รอยยิ้มเป็นอย่างนี้นี่เอง ข้าพเจ้ามีความสุขกับงาน Bangkok street show ครั้งนี้มาก และหวังว่าจะมีครั้งต่อ ๆ ไป
สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติไหน ศาสนาอะไร หรือแม้แต่พูดภาษาอะไรก็ตาม เราต่างเป็นพวกเดียวกันและพูดภาษาเดียวกันด้วยรอยยิ้ม

ปล. คณะ babymime สุดยอดมากกกกกกก . . . อยากให้ทุก ๆ คนได้ชมโชว์ของพวกเขา และรู้จักพวกพี่ ๆ เขาได้ที่ http://www.vrbabymime.com/

วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา


เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงาเหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา เหงา และเหงา

เมื่อเหงาแล้วต้องทำไง เมื่อเหงาแล้วจะอธิบายมันอย่างไร เหงาแบบไหน เหงาแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วมันก็คือ เหงา

ข้าพเจ้ามีเพื่อนมากมาย และเวลาว่างของข้าพเจ้าก้อมีมากมายเช่นเดียวกัน แต่เพื่อนของข้าพเจ้าไม่มีได้มีเวลาว่างเช่นเดียวกับข้าพเจ้า จึงทำให้ข้าพเจ้าต้องทำอะไรเพียงผู้เดียวอยู่เสมอ ซึ่งข้อดีของมันคือมันไม่ต้องง้อใคร อยากทำอะไรก้อทำ แต่ข้อเสียของมันคือ เหงาฉิบหาย เหงา เหงาเกินไป เหงาจนบางวันข้าพเจ้าไม่ได้คุยกับใครเลย นอกจากพนักงานขายเท่านั้นเอง

บางวันที่ข้าพเจ้าเหงาจนอยู่บ้านไม่ได้ ข้าพเจ้าจะออกไปสยามทานข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียวสักเรื่อง นั่งอ่านหนังสือ+ดื่มกาแฟคนเดียว และสุดท้ายกลับบ้านคนเดียว จนบางคืนก่อนนอนก็ได้แต่นอนคิดว่า ชีวิตเราเหงาเกินไปไหม และเรามีตัวตนบ้างไหมกับคนอื่น ๆ

กับคำถามแรกข้าพเจ้าสามารถตอบได้ ชีวิตเรานั้นเหงาเกินไปแต่กับอีกคำถามคงไม่สามารถตอบได้ เพราะตัวตนของข้าพเจ้าในความรู้สึกคนอื่นคงต้องให้เขาตอบให้

สุดท้ายแล้วข้าพเจ้าหวังว่า คงไม่ใช่คนเดียวในโลกที่เหงาเกินไป คงมีอีกหลายคนกำลังเหงาเกินไปพร้อม ๆ กับข้าพเจ้า และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงข้าพเจ้าคงมีเพื่อนร่วมเหงาไปด้วยกัน ขอให้เราเหงาไปด้วยกัน

แต่ก่อนที่จะไป ว่าแต่ว่า ข้าพเจ้ามีตัวตนบ้างไหมกับชีวิตของคุณ . . . .