กลางดึกของคืนวันที่ 17 กันยายาน 2551 : บทสนทนาของอดีตกับความเปลี่ยนแปลง
อดีต : ขอเบอร์โทรศัพท์ได้ไหม
ความเปลี่ยนแปลง : ไม่ให้ เพราะเกรงใจแฟน
อดีต : มีแฟนแล้วว่างั้น
ความเปลี่ยนแปลง : อืม
อดีต : ขอโทษนะ
ความเปลี่ยนแปลง : ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษหรอก
อดีต : บางทีมันคงถึงเวลาที่เราต้องทำใจได้จริง ๆ แล้ว เราคงลืมเธอได้สักที ลาก่อนนะ
ความเปลี่ยนแปลง : เธอเลือกอย่างนี้เองนะ ตามใจ ลาก่อน บาย
นาทีต่อมา อดีตรู้สึกว่าเขาไม่มีความสำคัญอีกต่อไป ความฝันว่าสักวันเขากับความเปลี่ยนแปลงจะกลับมารักกัน แต่ความจริงที่พึ่งปรากฏเมื่อกี้ทำให้เขารู้ว่า ความเปลี่ยนแปลงได้เปลี่ยนไปตลอดกาล
อดีตอยากจะร้องไห้ แต่ร้องไห้ไม่ออก เหมือนมีก้อนบางอย่างจุกคาอยู่ที่คอหอยซึ่งกั้นอยู่ระหว่างหัวใจกับต่อมน้ำตา จึงทำให้หัวใจไม่สามารถสั่งการไปยังต่อมน้ำตาได้ อดีตอึดอัดแทบขาดใจ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่แล้วสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนว่าอดีตจะลืมไปได้เข้ามาโอบอุ้มเขา และสิ่งนั้นคือเพื่อน ๆ ของเขานั่นเอง
เพื่อนคนแล้วคนเล่าเข้ามาปลอบโยน บางคนเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยที่ยังคุยกันติดต่อกันอยู่เสมอ บางคนเป็นเพื่อนที่ห่างหายไปไม่ค่อยได้พบเจอแต่ก็ไม่เคยห่างหายจากความเป็นเพื่อนที่เคยมี ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุ อดีตได้รู้ว่า มีความห่วงใยอยู่รอบตัวเขามากมาย ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อดีของเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้น คือ ทำให้เขารู้ว่าตัวเขานั้นยังมีความหมาย
แต่จนแล้วจนรอดไม่ว่าอดีตจะทำอย่างไร น้ำตาก็ยังไม่อาจไหลออกมา ทั้ง ๆ ที่ตลอดเวลาเขาได้ฟังเพลงเศร้ามากมาย อ่อนไหวจากคำปลอบโยนของเพื่อน อ่อนแอจากการร่ำสุรา หรือทรมานกับความทรงจำของความเปลี่ยนแปลง แต่สุดท้ายอดีตก้อไม่ได้ร้องไห้ และแม้ว่าก้อนที่จุกอยู่ตรงคอหอยได้ละลายหายไป หัวใจของเขากลับมาสั่งการต่อมน้ำตาได้ดีดังเดิม . . . แต่ก้อไม่มีแม้น้ำตาสักหยด
วันต่อมา 18 กันยายน 2551 : ยามบ่าย อดีตกับTokyo Tower
อดีตนั่งดูภาพยนตร์เรื่อง Tokyo Tower หนังดี ๆ อีกเรื่องที่เพื่อนจูน(ขอบใจจูนมากอีกครั้งนะ)และเพื่อนหลายคนแนะนำให้หามาดู โตเกียวทาวเวอร์ ว่าด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ของลูกกับแม่คู่หนึ่ง แม่ผู้ซึ่งทำทุกอย่างได้เพื่อลูก แม่ผู้ซึ่งเป็นกำลังใจให้ลูกเสมอ กับลูกที่ไม่เคยเห็นความสำคัญของสิ่งเหล่านั้น จนมาคิดได้ในเวลาที่เกือบจะเป็นช่วงชีวิตสุดท้ายของแม่ โตเกียวทาเวอร์ ดำเนินเรื่องอย่างเรียบ ๆ เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ในเรื่องนั้นสามารถเกิดขึ้นกับชีวิตของใครก้อได้ หนังไม่ได้บิวอารมณ์ให้น้ำตาไหลกับฉากซึ้งที่เรียกน้ำตาแบบเอาตาย แต่หนังกลับมีฉากซึ้งเล็ก ๆ ที่มาเรียกน้ำตาได้เป็นระยะ ๆ และอีกสิ่งหนึ่งที่หนังบอกกับเราก็คือการใช้ชีวิตที่แสนยากลำบากของคนบ้านนอกที่เข้ามาตามความฝันในเมืองหลวง เมื่อดูโตเกียวทาวเวอร์จบ เขารักหนังเรื่องนี้มาก จนอยากจะหาเวลานั่งดูกับคุณแม่สักครั้ง(พร้อมกับคุณพ่อและน้องชายด้วย) และนอกจากความประทับใจที่โตเกียวทาวเวอร์มีให้กับอดีต โตเกียวทาวเวอร์ยังให้บางสิ่งบางอย่างกับเขา นั้นคือ . . . น้ำตา
โตเกียวทาวเวอร์ทำให้หัวใจของอดีตสั่งการไปยังต่อมน้ำตาได้อย่างดีเยี่ยม เขาร้องไห้ ร้องไห้ ร้องไห้ออกมาเรื่อย ๆ กับฉากซึ้งเล็ก ๆ เหล่านั้น น้ำตาที่เมื่อ 24 ชั่วโมงก่อน เขาพยายามร้องไห้ออกมาเท่าไร ก็ไม่มีแม้สักหยดไหลออกมา แต่โตเกียวทาวเวอร์ กลับทำได้ มันทำให้เขาสงสัยว่าทำไม หนังเรื่องเดียวถึงเรียกน้ำตาจากเขาได้ ทั้ง ๆ ที่ความเศร้าเสียใจที่เกิดขึ้นกับความเปลี่ยนแปลงมันทำร้ายเขาอย่างมากมายแต่เขากลับไม่มีน้ำตา
โตเกียวทาวเวอร์เป็นภาพสะท้อนของความรักที่เขาคุ้นเคยแต่หลงลืมมันไป และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างความเปลี่ยนแปลงกับเขามันเป็นความผิดหวังจากความรักที่เขาเชื่อว่ามันจริง ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วความรักที่เขาหลงลืมมันไปต่างหากที่เป็นความจริงและเป็นนิรันดร์ มันคือความรักที่อยู่กับเขาเสมอ ความรักที่ไม่มีวันหมด ความรักที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ในที่สุดน้ำตาของอดีตก็รินไหล ในที่สุดอดีตก็ร้องไห้ออกมา แต่เป็นน้ำตาที่ออกมาจากความรัก ของผู้หญิงที่รักผมากที่สุดในโลก และอดีตก็รักเธอเช่นกัน
ผมรักแม่ครับ . . .
สุดท้ายนี้ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านผมขอขอบคุณ . . .
จูน:ที่แนะนำให้เราดู โตเกียวทาวเวอร์(จูนไม่เคยทำให้เราผิดหวังจริง ๆ ) , กราฟ: กับคำแนะนำดี ๆ (เพื่อสาวอยู่กับเราเสมอ), เพื่อนมนต์:ที่ทำให้รู้ว่าเราไม่ได้ซวยที่สุด (นายเป็นเพื่อนที่ดีของเราไม่เคยเปลี่ยน), ต้อง:ที่ทนฟังเรานอยมาทั้งวันและคำปรึกษาดี ๆ ที่ทำให้เราเห็นอะไรมากขึ้น (ถ้าไม่ได้ต้องเราคงผ่านพ้นมันไปได้ยากจริง ๆ ), ดลและแตง:ที่ไปทานเหล้าเป็นเพื่อน ทนฟังเรานอย และคำปรึกษาที่ตรงที่สุด, อาร์ทและแย้:ที่ทำให้เรารู้ว่าเรามีนายเป็นเพื่อนเสมอ, ความเปลี่ยนแปลง:เธอทำให้เรารู้และเข้าใจความเปลี่ยนแปลง, ขอบคุณโตเกียวทาวเวอร์ที่ทำให้นึกถึงความรักที่เป็นจริงนิจนิรันดร์ และสุดท้ายขอขอบคุณ คุณแม่กับความรักทั้งหมดที่คุณแม่ให้มา ลูกคนนี้จะทำทุกอย่างให้สมกับความรักของแม่ครับ . . .
3 ความคิดเห็น:
สวัสดีโจ้!นี่ แนน ศศิธร มัตซึโมโตะ เองนะ (555 ขอเห่อนามสกุลใหม่หน่อย) เราก็ดูโตเกียว ทาวเวอร์ แล้วร้องไห้เหมือนโจ้เลยล่ะ เรื่องดำเนินไปอย่างเรียบ ๆ ก็จริง แต่มีฉากซึ้ง ๆ ให้ประทับอยู่้เยอะดีเนอะ และสิ่งที่ทำให้เราชอบหนังญี่ปุ่นและละครญี่ปุ่นก็คือ เขานำเสนอเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นจริงกับชีวิตของใครก็ได้นี่เองล่ะ ใกล้ตัวดี
เราขอแนะนำหนังญี่ปุ่นอีกเรื่องนะ เป็นหนังที่เล่าถึงชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆ โตเกียว ทาวเวอร์ ในตอนที่หอโตเกียวนี่ยังสร้างได้ครึ่งเดียว เป็นหนังย้อนยุคนิดนึง หนังที่่ว่านี้ชื่อ ALWAYS ตอนนี้มีภาค 2 ออกเป็น DVD, VCD แล้ว อยากให้ดูทั้ง 2 ภาคเลยล่ะ ถึงเนื้่อเรื่องจะดำเนินไปอย่างเรียบ ๆ แต่ก็มีฉากประทับใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่มากมายเหมือนกัน เพราะหนังเรื่องนี้จะมีเรื่องราวความรักทั้งความรักความผูกพันในครอบครัว ความรักระหว่างคนรัก ควารักของแม่กับลูก หรือแม้แต่ความรักความผูกพันของคนที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องกัน
ลูกผู้ชายจะเสียน้ำตานานนาน ๆ ทีมันก็ไม่มีอะไรเสียหายหรอกเนอะ
แล้วจะแวะเข้ามาดูอีกนะ หวังว่าครั้งหน้าจะบทความที่พูดถึง ALWAYS ล่ะ
ยังไม่ได้ดูอะ คงต้องไปหามาดูซะแล้วววว
คุณอดีต ก็อย่าลืมปัจจุบันนะจ๊ะ เดี๋ยวปัจจุบันจะน้อยใจ
อ้อ..คำว่าในที่สุดน้ำตาก็รินไหล ทำให้นึกถึงคำแปลของหนังที่แฟนเราเล่นน่ะ "Nada Sou Sou" ไง แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา ฟังดูให้ความรู้สึกหยดติ๋งดี...
อืม แต่เราดูTokyo Tower แล้วเราไม่ได้ร้องไห้นะ แค่อืม...ชีวิตก็งี้เเหละ แต่ก็ซาบซึ้งมากทีเดียว ดีใจด้วยที่ชอบ
แสดงความคิดเห็น