วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

สวัสดี Blog ยินดีที่ได้รู้จัก นายกับเรา ต้องเจอกันอีกนาน . . .


สวัสดี Blog วันนี้เป็นวันแรกที่เราจะได้ทำความรู้จักกัน หลังจากที่เราได้แต่แอบมองนายมานาน คิดอยู่เสมอว่าจะกล่าวคำทักทายและเข้าไปทำความรู้จักกันอยู่หลายที แต่สุดท้ายก้อไม่กล้าที่จะทำความรู้จักกันสักที จนในที่สุดเพื่อน(จูน)ของเรา ได้ทำความรู้จักกับนาย เราเลยมีความกล้าที่จะมาทำความรู้จักกับนายบ้าง (แต่ที่จริงแล้วอิจฉาเพื่อนจูนที่มีBlogเป็นของตนเองมากกว่า) เราเลยจะมาทำความรู้จักกับนาย ให้นายเป็นเพื่อนของเราอีกคนหนึ่ง เพื่อนที่เราจะจริงใจ เพื่อนที่เราจะบอกเล่าทุกความรู้สึกที่มี และเป็นเพื่อนที่จะทำให้เราได้รู้จักเพื่อนอีกมากมาย แต่ก่อนที่เราจะบอกเล่าเรื่องราวใด ใดของเราต่อจากนี้ไป เราอยากจะแนะนำตัวให้นายได้รู้จักเรา เพื่อให้นายได้พิจารณา(เผื่อนายจะคิดได้ว่า กูไม่น่ารู้จักมึงเลย) และนี่คือเรื่องราวบางส่วนของเรา เพื่อนใหม่ของนายคนนี้ . . .


เราชื่อ Sick Boy ซึ่งเราได้มาจากการทำแบบทดสอบของนวนิยาย Trainsportting ซึ่งก่อนที่จะใช้ชื่อ เด็กป่วยนี้ เราเคยใช้ชื่อว่าจุนเซ (ตัวละครจากนวนิยายเรื่อง Blu เยือกเย็น) มาก่อน สิ่งหนึ่งที่เด็กป่วยและจุนเซเหมือนกันคือ ทั้งสองคนนี้มีส่วนคล้ายกับตัวเรา เด็กป่วยอาจเปรียบได้กับด้านมืดของเรา เจ้าชู้ เจ้าเล่ห์ จ้าวความคิด ชอบทำตัวป่วย ๆ ไว้อ้อนสาว ๆ ส่วนจุนเซอาจคล้ายกับด้านสว่างของเรา เชื่อมั่นในความรัก อยากกลับไปซ่อมอดีตของตัวเอง อ่อนไหว จนบางครั้งอ่อนแอ เราอ่านเรื่องสั้นและนวนิยายมามากมายหลายเรื่อง แต่ 2 คนนี้เป็น 2 คนที่เรารู้สึกว่าเหมือนตัวเรามากที่สุด โดยเฉพาะจุนเซ จุนเซทำให้เราอยากรอคอยใครสักคนหนึ่งเหมือนกับเค้า . . . รอคอยใครสักคน ณ ที่ของเรา ในวันเกิดครบรอบปีที่ 30 ของเธอ . . . (เสี่ยวแด้กป่ะล่ะ)

เวลาว่างของเรา เราใช้สอยมันไปกับ 3 กิจกกรรม นั่นคือการดูหนัง อ่านหนังสือ และก้อทานเหล้า[แต่อย่าให้เหล้าทานคุณนะครับ(เสี่ยวแด้กอีกครั้ง)] ซึ่งเราจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการกิจกรรมทั้ง 3 อย่างแน่นอนในโอกาสต่อ ๆ ไปนะครับ แต่ในเวลาที่เราไม่ว่างเราใช้เวลาเหล่านั้นไปกับการทำ thesis สิ่งที่จะทำให้เรากล่าวเข้าไปสู่อีกโลกที่เราเคยคาดฝันว่าจะเข้าไปและทำให้เราเปลี่ยนเป็นคนใหม่อย่างที่ไม่เคยเป็นมา เพราะthesisคือบททดสอบของชีวิต เราเสือกที่จะพบกับมันเองและมันก้อดันไม่ปล่อยให้เราผ่านไปอย่างง่ายได้ แต่สุดท้ายปลายทางเราเชื่อนะ เราเชื่อว่า เราจะผ่านพ้นมันไปได้ด้วยดี(เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ)

สุดท้ายนี้(เพราะง่วงแล้น) นับต่อจากนี้ไปเราจะทำความรู้จักกันให้มากขึ้นผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ที่เราจะบอกกับนาย เราสัญญาว่าเราจะบอกเล่าเรื่องเหล่านั้นอย่างจริงใจและซื่อสัตย์ เพราะการโกหกนาย(Blog)ก้อเหมือนกับการที่เราโกหกตัวเอง


!!!แต่ก่อนจะจากกันไปเรามีอะไรจะสารภาพกับนาย เราโกหก!!! ที่จริงแล้วเราไม่ได้อยากทำความรู้จักกับนายเพราะเราอยากมีBlogหรอก ที่จริงแล้ว เราเหงา . . . เราไม่รู้จะบอกเล่าเรื่องราวเล่านี้กับใคร เราเพียงหวังงว่านายอาจจะอยากรับฟังเรื่องราวเหล่านี้ของเรา เพราะว่าเรารู้สึกเหงา เหงาอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายเพียงใดหรือแม้แต่กับผู้คนที่เรารักและรักเราก็ตาม แต่เรากลับรู้สึกว่าคนที่เรารักหายไปหมด จนวันหนึ่งที่เรามองไปรอบข้างเราไม่มีใครอยู่เคียงข้างเราอีกแล้ว เรากำลังอยู่คนเดียว . . . อยู่คนเดียวบนโลกที่เราไม่มีความหมายใดใด


3 ความคิดเห็น:

Kon Klang Klang กล่าวว่า...

ว่าแต่คุณ จุนเซป่วยๆ เคยดูจุนเซ เวอร์ชั่นเป็นหนัง (Calmi Couri Appassionati)หรือยัง ซึ้งดีทีเดียว แต่แบบหนังเล่าผ่านมุมมองของ Blu มากกว่า แต่เราชอบRosso มากกว่านิ

Phatphicha Lerksirinukul กล่าวว่า...

ไม่ได้คุยกับคุณเสียนาน
สบายดีไหม
จากมิตรเฉินเพ่ยหง(ฮ้งเอง)

Unknown กล่าวว่า...

Hey mate! Good to see this.. its cool.. i will always come visit ur blog! Hope ur doing well. Keep updating your news.

Best,
your (sa) Gem! =)